
การชื่นชมศิลปะ
ในภาพทิวทัศน์ที่ชวนให้นึกถึงนี้ ผู้ชมจะพบกับหอไม้เก่าๆ ที่ตั้งอยู่กลางทุ่งนาที่ถูกไถชุ่มชื้นอยู่ ปลูกต้นไม้ที่อ่อนนุ่ม เพื่อสร้างความโดดเด่นที่ชัดเจน หอไม้ มีหลังคาเอียงและผนังอิฐที่แข็งแรงสร้างความรู้สึกอมตะ เหมือนมันเป็นไม้ที่ได้เห็นฤดูกาลที่ไม่รู้จบที่เคยผ่านมาอยู่รอบๆ ตัวมัน มีเกษตรกรสองคนที่ทำงานหนักข้างๆ รู้สึกว่าผู้คนที่เหมือนกันเล็กน้อยทว่าจะมีค่ามากในโลกที่ธรรมชาติเป็นผู้ปกครอง สายการไถของทุ่งเป็นจังหวะมองไปยังขอบฟ้า สถานที่ที่ท้องฟ้าดูใหญ่โต เต็มไปด้วยเมฆที่เปลี่ยนแปลง บอกถึงความไม่แน่นอนของสภาพอากาศในชีวิตชนบท ตรงนี้มีศิลปินจัดโทนสีที่นิ่งนุ่มมาก ชั้นต่างๆ คือสีดำและ น้ำตาลเข้ม ซึ่งทำให้ได้สีเขียวสดอ่อนของทุ่ง อย่างสวยงามและก็ดูอ่อนหวานด้วยการเล่นเมฆเป็นสีขาวและเป็นน้ำเงิน.
เหมือนกับว่าวานโกห์ทำให้เห็นความสวยงามทางกายภาพของนูเนน แต่ยังได้ตัวตนของชีวิตที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติ มองเห็นในภาพการทำงานที่เต็มอิ่ม สีของภาพและการดูก็ทำให้รู้สึกเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ตามการวาดภาพที่เขาทำขึ้นมาจะทำให้เรารู้สึกถึงน้ำหนักของท้องฟ้าและความร้อนแรงของพื้นดิน ในปีพ.ศ. 2427 ตามที่บันทึกไว้ในความรู้สึกและความหวังที่จะยกระดับวีรกรรมของความสวยงาม หากชีวิตในภาพนั้น เข้าสู่แนวคิดของการแสดงออกที่มากไปกว่าราวที่สั่งให้หาตนไปหาวรรณกรรมที่ดีขึ้นในขณะนั้น สร้างการเปลี่ยนแปลงในนิยามอย่างมากซึ่งคือจุดเปลี่ยนในกรรมวิธีต่างๆ ที่สวยรวมของพวกเขาได้.