
การชื่นชมศิลปะ
ในภาพทิวทัศน์ที่น่าสนใจนี้ ศิลปินได้บันทึกฉากที่เงียบสงบแต่มีความดราม่าประปราย เราจะเห็นว่าวัยรุ่นเต็มไปด้วยหญ้าแห้งและดินบริเวณหน้าผา นำสายตาของผู้ชมไปยังลำธารที่ทอดยาวบิดไปบิดมา ซึ่งสะท้อนแสงอ่อนจากท้องฟ้าที่มีเมฆเป็นประกาย สิ่งที่ทำให้ว้าวใจฉันคือการใช้พื้นผิวอย่างชาญฉลาดของศิลปิน เพราะการแต่งแต้มด้วยแปรงทำให้เกิดความรู้สึกถึงการเคลื่อนไหว ผืนหญ้าสั่นไหวเหมือนกับกำลังเต้นรำไปตามสายลม ขณะที่น้ำที่ไหลเพื่อเพิ่มความสงบให้กับงานศิลปะ มีคุณภาพที่เกือบจะเป็นเชิงอากาศเมื่อลำแสงเวียนมาที่หลังคาชิ้นใหญ่ คอยให้แสงส่องผ่านทำให้เห็นถึงความร้อนบนพื้นดินตระการตาซึ่งอยู่ท่ามกลางความเย็นในธรรมชาติ การเลือกใช้เฉดสีดินที่ละเอียดช่วยให้งานศิลปะนี้ สร้างบรรยากาศแห่งความผสมกลมกลืน ทำให้ธาตุของดิน น้ำ และฟ้าที่เผาไหม้กลายเป็นประสบการณ์เดียวกัน
ในขณะที่มองดูชิ้นงานนี้ ดูเหมือนว่าเราจะได้ยินเสียงใบบางเบาๆ ปลิวไปตามสายลม รวมถึงเสียงอันห่างไกลจากการเรียกของนกที่อยู่ในอากาศซึ่งนำความรู้สึกที่เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติให้รู้สึกลึกซึ้งมากขึ้น ศิลปินอย่าง Savrasov ทำให้ภาพทิวทัศน์นี้มีความรู้สึกถึงอดีตแห่งความขมขื่น อยากที่จะทำให้เกิดความรู้สึกโดยเฉพาะในวันที่เคยเดินไปในทุ่งหญ้าอันงดงามในรัสเซีย งานนี้ให้ความรู้สึกจำเริญและทำให้ผู้อ่านเกิดความคิด ล่อลวงให้ค่าในช่วงสั้นๆ ในความงดงามในชีวิตประจำวัน โดยที่สืบสวนและเป็นไปตามสาระสำคัญของยุคโรแมนติก ในการให้ค่ากับทางเดินเชิงความงดงามในด้านเชิงอุดมคติ การมองโลกในยุคปลายศตวรรษที่ 19 บ่งบอกเพียงว่าปฏิกิริยาเป็นสิ่งสำคัญต่อการขยายตัวทางอุตสาหกรรมของสังคม เนื่องจากแสดงให้เห็นถึงความงามในโลกของธรรมชาติที่ยังมีอยู่ต่อไปนอกการสร้างทางกล ดังนั้นจึงเรียกร้องให้คุณค่าและปกป้องภูมิทัศน์เช่นนี้ซึ่งบอกเราเกี่ยวกับมรดกทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของเราเป็นสิ่งที่สำคัญ